ความเห็นแตก! คณะกรรมการพรีเมียร์ลีกชี้ ‘ประตูโหม่ง VVD’ ควรเป็นประตู แต่ย้ำ VAR ตัดสินถูกที่ไม่กลับคำ!

ข้อสรุปที่สะเทือนวงการสร้างทั้งคำถามและความผิดหวังให้แฟนบอลลิเวอร์พูล เมื่อคณะกรรมการเหตุการณ์สำคัญของพรีเมียร์ลีก (Key Match Incident Panel) มีมติว่า ประตูโหม่งของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ (VVD) ในเกมที่ลิเวอร์พูลพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ควรถูกให้เป็นประตู อย่างไรก็ตาม พวกเขายืนยันว่า VAR ปฏิบัติถูกต้องแล้วที่ไม่เปลี่ยนคำตัดสินในสนามตามเกณฑ์การแทรกแซง

สรุปความขัดแย้งและเหตุผลจากทีมผู้ตัดสิน:

คณะกรรมการค้านผู้ตัดสิน: คณะกรรมการฯ ซึ่งประกอบด้วยอดีตผู้เล่น/โค้ช และตัวแทนจาก PGMOL/พรีเมียร์ลีก ทบทวนเหตุการณ์และ คัดค้าน การตัดสินของผู้ช่วยผู้ตัดสิน (AR) และผู้ตัดสินในสนามที่ยกธงล้ำหน้า โดยเห็นว่าการตัดสินให้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ล้ำหน้าจนทำให้ประตูของฟาน ไดค์ไม่ถูกนับนั้น “ไม่ควร” เกิดขึ้น และควรเป็นประตูของลิเวอร์พูล

ทำไม VAR ไม่เปลี่ยน? แม้คณะกรรมการเห็นว่า ควรเป็นประตู แต่พวกเขาระบุว่า VAR ทำถูกต้องที่ไม่กลับคำ เพราะมาตรฐานการแทรกแซงกำหนดไว้เฉพาะเมื่อมี “ความผิดพลาดชัดเจนและจังๆ” (clear and obvious) ขณะที่จังหวะล้ำหน้าที่ตีความว่า “รบกวน/ส่งผลต่อผู้รักษาประตู” จัดอยู่ใน การตัดสินเชิงอัตวิสัย (Subjective Decision) ซึ่งไม่เข้าเกณฑ์ให้ VAR พลิกคำตัดสินได้ง่าย

คำพูดจากผู้ตัดสิน (AR): บันทึกการสื่อสารเผยว่า ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงเพราะเชื่อว่าโรเบิร์ตสัน “บังทัศนวิสัย” และ “มีผลกระทบ” ต่อผู้รักษาประตู เนื่องจากมีจังหวะก้มตัวอยู่ใต้เส้นทางลูกบอลในระยะใกล้

ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ปกป้อง: หัวหน้า PGMOL ชี้แจงว่า การพิจารณาว่าผู้เล่นล้ำหน้ามี “อิมแพ็กต์ต่อคู่แข่ง” หรือไม่ เป็นดุลยพินิจเชิงความรู้สึกของผู้ตัดสินในสนาม และด้วยตำแหน่งยืน/การเคลื่อนที่ของโรเบิร์ตสันใกล้ผู้รักษาประตู “ไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล” ที่ทีมงานในสนามจะสรุปเช่นนั้น

บทสรุปคือ: ในเชิงหลักการตามความเห็นคณะกรรมการ พรีเมียร์ลีกมองว่าประตูของ VVD ควรถูกให้เป็นประตู แต่ในเชิงกระบวนการ VAR ก็ทำถูกต้องที่ไม่แทรกแซงเพราะเป็นเคสคลุมเครือ ไม่เข้าข่ายผิดพลาดชัดเจน แฟนลิเวอร์พูลจึงต้องชอกช้ำสองชั้น—แม้กรรมการยอมรับว่าควรเป็นประตู แต่ผลแข่งยังคงเดิม สะท้อนโจทย์ใหญ่ของกฎล้ำหน้า-การตีความ VAR ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้